) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินเพิ่มเติม
ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 25 ล้านบาท ซึ่งต่อมาภายหลังนายทวีศักดิ์ หงษ์ทอง ได้รับการ
แต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัทฯ แต่ในช่วงที่เกิดรายการนายทวีศักดิ์ หงษ์ทองมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับบริษัทฯ
ต่อมาในปี 2541 บริษัทได้มอบหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดใน บจ.ศรีจุลทรัพย์ให้แก่นายณัฏฐวัฒน์ เพื่อไปเจรจาประนอม
หนี้ของบริษัท หรือนำไปเป็นหลักประกันทดแทนหลักประกันเดิมของนายณัฏฐวัฒน์ โดยได้ส่งมอบใบหุ้นให้เมื่อ
ต้นปี 2541 ต่อมาบริษัทได้สอบถามเรื่องหุ้นดังกล่าวทราบว่าได้นำไปหักกลบลบหนี้กับบุคคลภายนอกแล้ว โดย
จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2543 บริษัท ฯ ได้รับชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าวจากนายณัฏฐวัฒน์จำนวน 6.20 ล้านบาท
(ชำระในปี 2541 จำนวน 4 ล้านบาท และ โอนตีทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ให้แก่ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง
แทนบริษัทฯ จำนวน 2.2 ล้านบาทในปี 2542) ทำให้นายณัฏฐวัฒน์มียอดเงินคงค้างจนถึงปัจจุบันที่จะต้องชำระให้
แก่บริษัทอีกจำนวน 18.80 ล้านบาท ซึ่งบริษัท ฯ ได้ตามทวงถามเกินกว่า 1 ปี จึงได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
สำหรับลูกหนี้ดังกล่าวทั้งจำนวน เนื่องจากคาดว่าอาจจะไม่ได้รับชำระหนี้
อย่างไรก็ตามบริษัท ฯ มิได้เพิกเฉยต่อการติดตามทวงถาม ที่ผ่านมาบริษัท ฯ ได้ดำเนินการติดตามการ
ชำระหนี้คืนมาตลอด จนวันที่ 21 ธันวาคม 2544 ลูกหนี้รายนี้ได้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราช
บัญญติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 คดีหมายเลขแดงที่ 1312/2544 ซึ่งบริษัท ฯ ได้ยื่นขอรับชำระหนี้เป็นเจ้า
หนี้รายที่ 25 ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏในรายงานเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กอง
บังคับคดีล้มละลาย 1 ลงวันที่ 28 พ.ย. 2546 ซึ่งผลคดีของลูกหนี้รายนี้อยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์
ทรัพย์แต่ผู้เดียว ไม่สามารถกำหนดระยะเวลา และจำนวนหนี้ที่จะได้รับคืนได้
8. นโยบายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินหรือการทำรายการระหว่างกันกับบริษัทหรือบุคคลที่เกี่ยว
ข้องกันในอนาคตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภาระหนี้คงค้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท
รายการระหว่างกันระหว่างบริษัทและบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งส่วนใหญ่เป็นรายการที่เกิดขึ้นในอดีต
โดยคณะกรรมการชุดปัจจุบัน กับคณะกรรมการชุดเดิมที่มีอำนาจตัดสินใจเป็นคนละชุดกัน ซึ่งการตัดสินใจเข้าทำ
รายการเป็นไปตามความจำเป็นและความเหมาะสมในขณะนั้น
ปัจจุบันคณะกรรมการให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษโดยหากจะมีการทำรายการระหว่างกัน หรือ
ช่วยเหลือกัน จะต้องขอความเห็นชอบไปยังคณะกรรมการตรวจสอบก่อนทุกครั้ง เพื่อขอความเห็น หากคณะ
กรรมการตรวจสอบไม่มีความชำนาญในการพิจารณารายการระหว่างกันที่เกิดขึ้น บริษัทจะจัดให้บุคคลที่มีความรู้
ความชำนาญพิเศษ เช่น ผู้สอบบัญชี หรือ ผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน หรือสำนักงานกฎหมาย ที่เป็นอิสระจากบริษัท
และบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งเป็นผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายการระหว่างกันดังกล่าว ความเห็นของคณะ
กรรมการตรวจสอบหรือบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญพิเศษจะถูกนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจของคณะกรรมการ
หรือผู้ถือหุ้นแล้วแต่กรณี
ประเด็นที่ 2 เงินลงทุนในบริษัทร่วมและเงินลงทุนระยะยาวอื่น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547
1.เงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท โรงพยาบาลเทพารักษ์ จำกัด (มหาชน)
บริษัทโรงพยาบาลเทพารักษ์ จำกัด (มหาชน) เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทและบริษัทเอ็มไทย เมืองอุต
สาหกรรม จำกัด โดยปัจจุบัน ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 38.33 และร้อยละ 20 ตามลำดับ ทั้งนี้บริษัท โรงพยาบาล
เทพารักษ์ จำกัด (มหาชน) ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ และได้ระงับการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลไว้
ปัจจุบันได้ระงับการก่อสร้างไว้ อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินกิจการต่อหรือไม่ เมื่อวันที่ 21
มิถุนายน 2545 บริษัท โรงพยาบาลเทพารักษ์ จำกัด (มหาชน) ได้ชำระหนี้ส่วนที่บริษัทค้ำประกันทั้งจำนวน
บริษัทจึงได้บันทึกกลับรายการบัญชีผลขาดทุนที่เกินกว่ามูลค่าเงินลงทุนกับบัญชีส่วนแบ่งในกำไรสุทธิของบริษัท
ร่วม จำนวน 14.49 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2545 บริษัทได้ขายหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลเทพารักษ์
จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,500,000 หุ้น เป็นผลให้บริษัทยังคงถือหุ้นจำนวน 2,299,770 หุ้น คิดเป็นอัตราร้อยละ
38.33
2.เงินลงทุนในบริษัทร่วม-บริษัท เขาใหญ่สปา จำกัด
บริษัท เขาใหญ่สปา จำกัด จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจศูนย์สุขภาพ มีทุนที่ออกและ
เรียกชำระแล้วจำนวน 300 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 48 เป็นอาคาร 3 ชั้น ดำเนินก่อสร้างถึง
ชั้นที่ 3 ปัจจุบันได้ระงับการดำเนินการก่อสร้างเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
บริษัท ฯ เริ่มลงทุนในบริษัทเขาใหญ่ สปา จำกัด และได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ตามลำดับดังนี้
- เดือนกันยายน 2538 จำนวน 96.00 ล้านบาท
- เดือนธันวาคม 2539 จำนวน 42.95 ล้านบาท
และในปี 2540 บริษัท ฯ เข้าร่วมลงทุนอีกจำนวน 5.05 ล้านบาท รวมเป็นเงินลงทุนรวม 144
ล้านบาท
ในปี 2538 อดีตผู้บริหารของบริษัทได้ทำสัญญาซื้อหุ้นบริษัท เขาใหญ่สปา จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิม
จำนวน 9 ล้านบาท โดยไม่ผ่านมติคณะกรรมการบริษัทเนื่องจาก คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารทุกคน ณ วันที่
เกิดรายการมิได้เป็นบุคคลในคณะกรรมการชุดปัจจุบันเลย จากการสอบถามบุคคลากรที่ทราบเรื่องได้ข้อมูลว่า
บริษัท เขาใหญ่สปา จำกัด เป็นบริษัทร่วมที่ทางบริษัทฯถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน เป็นโครงการศูนย์สุขภาพที่เขาใหญ่
ได้ซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคารศูนย์สุขภาพเป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักประมาณ 140 ห้อง ได้ก่อสร้างไปแล้วถึงชั้น
3 แต่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ตั้งแต่ปี 2539 ทำให้สถาบันการเงิน ซึ่งสนับสนุนสินเชื่อการก่อสร้างต้องปิดกิจการ
ส่งผลให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงและได้เกิดความเสียหายซึ่งทำให้บริษัทต้องตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าเงินลงทุน
ในบริษัทดังกล่าวทั้งจำนวน
3. เงินลงทุนในบริษัทร่วม-บริษัท โรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่ จำกัด
บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนในบริษัท โรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่ จำกัด จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2539
ตามลำดับดังนี้
- เดือนธันวาคม 2537 จำนวน 120.00 ล้านบาท
- เดือนธันวาคม 2539 จำนวน 120.00 ล้านบาท
- เดือนธันวาคม 2540 จำนวน 72.00 ล้านบาท
รวมเงินลงทุน 312.00 ล้านบาท
เงินจากการเพิ่มทุนดังกล่าวบจ.รพ.ศิครินทร์ หาดใหญ่ นำไปใช้สำหรับการก่อสร้าง และการดำเนินงาน
ของบริษัทฯ โดยบริษัท ฯ รับรู้มูลค่าเงินลงทุนโดยวิธีส่วนได้เสียตามวิธีส่วนได้เสีย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 คง
เหลือ 180.76 ล้านบาท ในช่วงแรกบริษัทร่วมดังกล่าวมีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง บริษัท ฯ จึงได้ตั้ง
ค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุน เมื่อพิจารณาแนวโน้มของการเติบโตจะเห็นได้ว่าแนวโน้มที่ดีขึ้น บริษัท ฯ มี
นโยบายที่จะปรับมูลค่าของเงินลงทุนของบริษัทร่วมตามความเหมาะสมต่อไป
4. เงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท เซอร์จิเทค จำกัด
ในปี 2538 อดีตผู้บริหารของบริษัทได้ทำสัญญากับ บริษัท กรุงเทพที่ปรึกษากฎหมาย จำกัด เพื่อซื้อหุ้น
ของ บริษัท เซอร์จิเทค จำกัด จำนวน 156,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 225 บาท เนื่องจากคณะกรรมการบริษัทและผู้
บริหารทุกคน ณ วันที่เกิดรายการมิได้เป็นบุคคลในคณะกรรมการชุดปัจจุบัน จากการสอบถามบุคคลากรที่ทราบ
เรื่องได้ข้อมูลว่า บริษัท เซอร์จิเทค จำกัด เป็นบริษัทร่วมประกอบธุรกิจด้านค้าเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์ทางการ
แพทย์และเวชภัณฑ์ ซึ่งผู้บริหารขณะนั้นเล็งเห็นถึงศักยภาพและคาดการว่าเป็นช่องทางขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
กับกิจการโรงพยาบาลและจะส่งผลดีจึงได้ตกลงเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม แต่ต่อมาเป็น
ช่วงเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมาและมีการลดค่าเงินบาท ธุรกิจทุก
ประเภทได้รับผลกระทบรวมทั้งบริษัท เซอร์จิเทค จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเครื่องเวชภัณฑ์ที่มีภาระหนี้เป็นเงินตรา
ต่างประเทศจำนวนมาก ผลการดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทโดยปัจจุบัน
ผลขาดทุนของบริษัท เซอร์จิเทค จำกัด มีมูลค่าเกินเงินลงทุน และในขณะนี้บ.เซอร์จิเทคอยู่ระหว่างการเจรจาปรับ
โครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบและดูแลการประกอบธุรกิจของเซอร์จิ
เทคอย่างใกล้ชิด
ปัจจุบันบริษัทฯถือหุ้นในบ.เซอร์จิเทคอยู่จำนวน 141,495 หุ้น คิดเป็นอัตราร้อยละ 40.43
5. เงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส พาร์ทเนอร์ จำกัด
บริษัท แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส พาร์ทเนอร์ จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2536
โดยประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการประกอบอาหาร และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่โรง
พยาบาลศิครินทร์ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 1748 หมู่ที่ 1 ถนนสุขุมวิท 78 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง
สมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ปัจจุบัน มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 2 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น
อยู่ร้อยละ 17.99 ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นใดๆ ขณะนี้บริษัท แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส พาร์ทเนอร์
จำกัด มิได้ประกอบธุรกิจใดๆ
6. เงินลงทุนในบริษัทร่วม บริษัท โรงพยาบาลกาญจนบุรี เมโมเรียล จำกัด
บริษัท โรงพยาบาลกาญจนบุรี เมโมเรียล จำกัด ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาด 100 เตียง
โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 111 หมู่ที่ 5 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันมี
ทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 6.67 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นใดๆ
ตารางแสดงสัดส่วนการลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วม และบริษัทอื่น
ชื่อบริษัท ประเภทกิจการ ทุนที่เรียกชำระแล้ว(ล้านบาท) % การถือหุ้น
บริษัทร่วม
- บริษัท โรงพยาบาลเทพารักษ์ จำกัด (มหาชน) โรงพยาบาล 60.00 38.33
- บริษัท โรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่ จำกัด โรงพยาบาล 650.00 48.00
- บริษัท เขาใหญ่สปา จำกัด ศูนย์สุขภาพ 300.00 48.00
- บริษัท เซอร์จิเทค จำกัด เครื่องมือ และวัสดุ 35.00 40.43
ทางการแพทย์
บริษัทอื่น
-บริษัท แมเนจเม้นท์เซอร์วิสพาร์ทเนอร์ จำกัด อาหาร 2.0 17.99
-บริษัท โรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล จำกัด โรงพยาบาล 150.0 6.67
นโยบายการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 บริษัทมีการลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 4 บริษัท คือ บริษัท โรงพยาบาล
ศิครินทร์ หาดใหญ่ จำกัด บริษัท โรงพยาบาล เทพารักษ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เขาใหญ่สปา จำกัด และ
บริษัท เซอร์จิเทค จำกัด ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายที่จะจัดส่งตัวแทนเข้าไปเป็นกรรมการในบริษัทร่วมดังกล่าวซึ่งจะ
เป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท เพื่อมีส่วนร่วมในการบริหารงานและกำหนดนโยบายการดำเนินงานที่
สำคัญของบริษัทร่วม นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลงทุนในบริษัทอื่นอีกจำนวน 2 แห่ง คือ บริษัท โรงพยาบาล
กาญจนบุรี เมโมเรียล จำกัด และบริษัท แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส พาร์ทเนอร์ จำกัด
นอกเหนือจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว บริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะลงทุนเพิ่มเติมในบริษัทย่อย บริษัทร่วม
และบริษัทที่เกี่ยวข้องดังกล่าวอีก
ประเด็นที่ 3 สัญญาเช่าระยะยาว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547
(ก) ค่าเช่าที่ดินด้านหน้าโรงพยาบาล
วัตถุประสงค์ของการเช่าที่ดิน : บริษัท ฯ ใช้พื้นที่ดังกล่าวสำหรับเป็นที่จอดรถเพื่อ
รองรับปริมาณผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นและเป็นการเพิ่ม
โอกาสสร้างจุดเด่นในการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาล
วันที่เข้าทำสัญญา : 1 กันยายน 2544
คู่สัญญา : บุคคลธรรมดา
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 9 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 1 ก.ย. 2544 - 31 ส.ค. 2553
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : 5.184 ล้านบาท (ค่าเช่าเดือนละ 48,000 บาท)
คำนวณขนาดรายการโดยใช้เกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายรวม : 5.184 ล้านบาท
ขนาดรายการรวม* : 0.72%
*สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ ไตรมาสที่ 2/2544 เท่ากับ 717.32 ล้านบาท
ลักษณะรายการ : ขนาดรายการต่ำกว่า 15% พิจารณาได้ว่าไม่เป็น
รายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน
(ข) ค่าเช่าที่ดินด้านข้างโรงพยาบาล ( 4 สัญญา )
วัตถุประสงค์ของการเช่าที่ดิน : บริษัท ฯ ใช้พื้นที่ดังกล่าวสำหรับเป็นที่จอดรถเพื่อ
รองรับปริมาณผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และเป็นการเพิ่ม
โอกาสสร้างจุดเด่นในการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาล
สัญญาฉบับที่ 1
วันที่เข้าทำสัญญา : 22 พฤศจิกายน 2545
คู่สัญญา : บุคคลธรรมดา
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 10 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 22พ.ย.45-21พ.ย.50 อัตราเช่าเดือนละ 24,480 บาท
22พ.ย.50-21พ.ย.55 อัตราเช่าเดือนละ 28,560 บาท
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : 3,182,400 บาท
สัญญาฉบับที่ 2
วันที่เข้าทำสัญญา : 22 พฤศจิกายน 2545
คู่สัญญา : บุคคลธรรมดา
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 10 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 22พ.ย.45-21พ.ย.50 อัตราเช่าเดือนละ 24,000 บาท
22พ.ย.50-21พ.ย.55 อัตราเช่าเดือนละ 28,000 บาท
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : 3,120,000 บาท
สัญญาฉบับที่ 3
วันที่เข้าทำสัญญา : 22 พฤศจิกายน 2545
คู่สัญญา : บุคคลธรรมดา
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 10 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 22พ.ย.45-21พ.ย.50 อัตราเช่าเดือนละ 47,040 บาท
22พ.ย.50-21พ.ย.55 อัตราเช่าเดือนละ 54,880 บาท
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : 6,115,200 บาท
สัญญาฉบับที่ 4
วันที่เข้าทำสัญญา : 22 พฤศจิกายน 2545
คู่สัญญา : บุคคลธรรมดา
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 10 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 22พ.ย.45-21พ.ย.50 อัตราเช่าเดือนละ 48,000 บาท
22พ.ย.50-21พ.ย.55 อัตราเช่าเดือนละ 56,000 บาท
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : 6,240,000 บาท
คำนวณขนาดรายการโดยใช้เกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายรวม : 18.65 ล้านบาท
ขนาดรายการรวม* : 3.01%
*สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ ไตรมาสที่ 3/2545 เท่ากับ 618.59 ล้านบาท
ลักษณะรายการ : ขนาดรายการต่ำกว่า 15% พิจารณาได้ว่าไม่เป็น
รายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน
(ค) ค่าเช่าและบริการอาคารสำนักงาน ( 4 สัญญา )
วัตถุประสงค์ของการเช่า : อาคารสำนักงาน
สัญญาฉบับที่ 1
วันที่เข้าทำสัญญา : 1 มกราคม 2546
คู่สัญญา : นิติบุคคล
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 2 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 1 ม.ค. 46 - 31 ธ.ค. 47
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : 1.12 ล้านบาท
(อัตราเช่าและบริการเดือนละ 46,650.00 บาท )
สัญญาฉบับที่ 2
วันที่เข้าทำสัญญา : 1 กุมภาพันธ์ 2546
คู่สัญญา : นิติบุคคล
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 2 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 1 ก.พ. 46 - 31 ม.ค.48
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : จำนวนเงิน 0.94 ล้านบาท
ระยะเวลาสัญญา (อัตราเช่าและบริการเดือนละ 39,450.00 บาท )
สัญญาฉบับที่ 3
วันที่เข้าทำสัญญา : 1 เมษายน 2546
คู่สัญญา : นิติบุคคล
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 2 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 1 เม.ย. 46 - 31 มี.ค.48
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : จำนวนเงิน 0.36 ล้านบาท
(อัตราเช่าและบริการเดือนละ 15,000.00 บาท )
สัญญาฉบับที่ 4
วันที่เข้าทำสัญญา : 1 กรกฎาคม 2546
คู่สัญญา : นิติบุคคล
ความสัมพันธ์กับคู่สัญญา: ไม่มี
อายุสัญญา : 2 ปี
วันเริ่มต้นและสิ้นสุดสัญญา : 1 ก.ค. 46 - 30 มิ.ย.48
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายตลอด : จำนวนเงิน 0.31 ล้านบาท
ระยะเวลาสัญญา (อัตราเช่าและบริการเดือนละ 13,000.00 บาท )
คำนวณขนาดรายการโดยใช้เกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน
จำนวนเงินที่ต้องจ่ายรวม : 2.73 ล้านบาท
ขนาดรายการรวม* : 0.40 %
*สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ ไตรมาสที่ 2/2546 เท่ากับ 680.74 ล้านบาท
ลักษณะรายการ : ขนาดรายการต่ำกว่า 15% พิจารณาได้ว่าไม่เป็น
รายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน
ประเด็นที่ 4 การออกหุ้นกู้มีประกันมูลค่า 275 ล้านบาท
4.1 รายชื่อผู้ถือหุ้นกู้และสัดส่วนการถือหุ้นกู้ของผู้ลงทุนแต่ละราย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2547
รายชื่อผู้ถือหุ้นกู้ จำนวนหุ้น สัดส่วนการถือหุ้น
1. กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเจริญทรัพย์ 160,000 58.18%
2. กองทุนเปิดอยุธยาตราสารอุดมทรัพย์ 28,000 10.18%
3. กองทุนเปิดอยุธยาตราสารอุดมทรัพย์ 2 22,000 8.00%
4. กองทุนเปิดอยุธยาสินมงคล 65,000 23.64%
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นกู้กับบริษัท
โดยรายชื่อผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวในข้อ 4.1 ไม่ได้มีความสัมพันธ์และเกี่ยวโยงกับผู้ถือหุ้นใหญ่ กรรมการและ
ผู้บริหารบริษัทคนหนึ่งคนใดของบริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน)
4.2 หลักเกณฑ์ในการเลือกเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่กลุ่มผู้ลงทุน
จากรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2546 วันที่ 16 ตุลาคม 2546 มีมติอนุมัติให้บริษัทออก
และเสนอขายหุ้นกู้มีหลักประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้น โดยข้อกำหนด เงื่อนไข และรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยว
กับหุ้นกู้ ให้อยู่ในดุลพินิจของกรรมการบริษัท และ/หรือคณะกรรมการบริหาร หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจาก
คณะกรรมการบริษัทที่จะพิจารณาตามเห็นสมควร ทั้งนี้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2546 บริษัท ฯ ได้เสนอขายหุ้นกู้
เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 275,000 หน่วย (สองแสนเจ็ดหมื่นห้าพันหน่วย) มูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ
1,000 บาท (หนึ่งพันบาท) คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 275,000,000 บาท (สองร้อยเจ็ดสิบห้าล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ 6.5 (หกจุดห้า) มีชื่อเรียกว่า "หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2546 ครบ
กำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2546" เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อ ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ สามารถ
โอนเปลี่ยนมือได้ ทั้งนี้เงื่อนไขในการโอนเป็นไปตามข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้
4.3 หลักเกณฑ์การพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยจ่ายของหุ้นกู้
ทางคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศคาดว่าจะมีแนวโน้มอัตราดอก
เบี้ยเงินกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งในเดือนกันยายน ปี 2546 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสถาบันการเงินในประเทศ
เฉลี่ย 5.50-9.75% ต่อปี โดยการออกหุ้นกู้ในวงเงิน 275 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 6.5 ต่อปี มีกำหนด
ระยะเวลา 10 ปี ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับการให้สินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่งซึ่งมีวงเงินเพียง 18 ล้านบาท
และมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษในช่วง 2 ปีแรกเท่านั้น และในช่วงระยะเวลาดังกล่าวก็ไม่มีสถาบันการเงินใดที่จะให้สิน
เชื่อขนาดใหญ่ให้บริษัทสามารถเปรียบเทียบเป็นช่องทางเลือกได้ ซึ่งเงื่อนไขการออกหุ้นกู้ และอัตราดอกเบี้ยคณะ
กรรมการได้พิจารณาต่อรองอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯแล้ว นอกจากนี้ยัง
คำนึงถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่บริษัทฯจะได้รับจากการออกหุ้นกู้ ดังนี้
4.3.1 การเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยจาก อัตราลอยตัว เป็นอัตราคงที่ จะเป็นการลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผัน
ผวนของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ทำให้บริษัทฯสามารถบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างแน่นอนและชัดเจน ซึ่งจะ
ช่วยให้บริษัทฯสามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยดัง
กล่าว จะช่วยให้บริษัทฯมีต้นทุนทางการเงินที่คงที่ในระยะยาว
4.3.2 หุ้นกู้มีระยะเวลาปลอดการชำระคืนเงินต้นเป็นเวลา 2 ปี (ระหว่างปี 2547-2548) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่
บริษัทฯ มีแผนการขยายการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งของโรงพยาบาลศิครินทร์ และโรงพยาบาลรัทรินทร์ ได้
แก่
- การก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อขยายเตียงรองรับผู้ป่วย
- การปรับปรุงห้องฉุกเฉินให้เป็นศูนย์อุบัติเหตุครบวงจร (Thrauma Center)
- โครงการเปิดศูนย์พยาบาลและคลินิกเครือข่าย
จะช่วยลดภาระทางการเงินของบริษัทฯได้ส่วนหนึ่ง และช่วยให้บริษัทฯสามารถบริหารเงินทุนหมุนเวียน
เพื่อนำมาใช้ในโครงการต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4.3.3 เงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ บริษัทฯนำไปชำระคืนเงินกู้ยืม และก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่บริษัทฯมากกว่า
ได้แก่
1) ชำระคืนเงินกู้ยืมธนาคารแห่งหนึ่ง จำนวน 164.29 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MLR+0.5 % เพื่อ
ลดความเสี่ยงเนื่องจากสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กรณีผิดนัด บริษัทฯจะต้องชำระหนี้เต็มจำนวนไม่ได้ส่วนลด
2) ชำระคืนค่าเช่าเครื่องมือแพทย์ ที่เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีส่วนลดจากการชำระหนี้ที่ค้าง
ชำระตามสัญญาจำนวน 75.30 ล้านบาท และค่าเช่าที่จะต้องจ่ายในอนาคตจนถึงวันสิ้นสุดตามสัญญาในปี 2547
จำนวน 76.54 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 151.84 ล้านบาท คงเหลือยอดที่บริษัทชำระจำนวน 105 ล้านบาท
ประเด็นที่ 5 ประเด็นทางบัญชี
ตามที่ผู้สอบบัญชีได้ให้ความเห็นต่องบการเงินของบริษัทสำหรับปี 2546 อย่างมีเงื่อนไขในเรื่องงบการ
เงินบริษัทร่วมได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่ จำกัด และ บริษัท เซอร์จิเทค จำกัด ว่าถือตามข้อมูล
ที่จัดเตรียมขึ้นโดยฝ่ายบริหารของบริษัทร่วมดังกล่าวซึ่งยังมิได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี
บริษัทฯขอเรียนชี้แจงว่า คณะกรรมการชุดปัจจุบันได้ดำเนินการมอบหมายโยบายเร่งรัดปรับปรุงวิธีการ
เพื่อติดตามกำกับดูแลบริษัทร่วมในการดำเนินการทางด้านบัญชีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่เนื่องจากบริษัทฯ
ร่วมดังกล่าวได้ดำเนินการจัดทำงบการเงินประจำปีงบการเงินประจำปีตามที่กฎหมายกำหนดเรียบร้อยแล้วแต่ยังมี
ความล่าช้าในการสอบบัญชีซึ่งบริษัททั้งสองเป็นบริษัทเอกชนที่มีข้อกำหนดการรายงานได้ช้ากว่าระยะเวลาเปิด
เผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน ทำให้ผู้สอบบัญชีได้ให้ความเห็นต่องบการเงินของบริษัทอย่างมีเงื่อนไข กรณี
บริษัท เขาใหญ่สปา จำกัด เนื่องจากตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมาทำให้โครงการก่อสร้างหยุด
พัก และผลดำเนินงานและงบการเงินไม่ได้มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการชุดปัจจุบันได้มอบหมาย
ให้ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายบัญชีของบริษัทร่วมกันเรียกร้องเร่งรัดให้บจ.เขาใหญ่สปา ดำเนินการจัดทำงบการเงินให้
ถูกต้องสมบูรณ์
โดยที่ได้เรียนชี้แจงข้างต้นบริษัทฯ จะใช้มาตรการเร่งรัดให้บริษัทร่วมดังกล่าวจัดทำงบการเงินที่ตรวจ
สอบโดยผู้สอบบัญชีเพื่อให้งบการเงินของบริษัทฯสะท้อนฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่แท้จริงตั้งแต่ปี
2548 เป็นต้นไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และโปรดพิจารณาเผยแพร่ให้ผู้ถือหุ้น และนักลงทุน ทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(พล.ต.ท จารักษ์ แสงทวีป)
ประธานกรรมการ
1